ในยุคปัจจุบัน ความสวยใสของผิวหน้าเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถมองข้ามได้ ซึ่งการลดความลึกของรอยคล้ำใต้ตาอาจทำให้ความมั่นใจของเราลดลง ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากลายเป็นทางเลือกยอดนิยมในการแก้ไขปัญหานี้ ในบทความนี้ เราจะพูดถึงเคล็ดลับและวิธีดูแลเพื่อให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่ยาวนานและปลอดภัย
ขั้นตอน
การหัตถการ จะต้องไปทำที่คลินิกหรือโรงพยาบาลที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและผลการฉีดฟิลเลอร์ที่ดี ขั้นตอนมักจะประกอบไปด้วย
- ประเมินความต้องการ: แพทย์จะประเมินความต้องการของผู้รับการรักษา และแนะนำประเภทของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมที่สุด
- ทำความสะอาดบริเวณที่จะฉีด: บริเวณที่ต้องการฉีดจะถูกทำความสะอาดอย่างละเอียดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- การฉีดฟิลเลอร์: แพทย์จะใช้เข็มเพื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในชั้นผิวหนังหรือชั้นข้างใต้ สำหรับบริเวณใต้ตา ฟิลเลอร์มักถูกฉีดไปยังชั้นเรียบกลุ่มเส้นใยคอลลาเจน
- การปรับรูปและกระจายฟิลเลอร์: หลังจากฉีด, แพทย์อาจใช้นิ้วหรือเครื่องมือพิเศษเพื่อนวดและกระจายฟิลเลอร์ให้เนียนเรียบและเข้ากันกับรูปแบบของใบหน้า
- ตรวจสอบผล: หลังจากที่ฟิลเลอร์ถูกฉีดและกระจายเสร็จสิ้น แพทย์และผู้รับการรักษาจะตรวจสอบผลการฉีดเพื่อควบคุมคุณภาพ สุดท้ายแพทย์ให้คำแนะนำในการดูแลหลังการฉีด
วิธีดูแลหลังการฉีดฟิลเลอร์
หลังการฉีดฟิลเลอร์ จะมีบางอย่างที่เราต้องระวังและดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วง 24 ชั่วโมงแรก แต่ก็ไม่ต้องกังวลเพราะเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเกิดขึ้น และไม่ได้ทำให้เราเสียหายอะไรไปกว่าการเจ็บปวดหน่อยๆ เท่านั้น
- ไม่ควรสัมผัสตา เพื่อป้องกันการเกิดภาวะอักเสบหรือแพ้ที่อาจเกิดขึ้น
- หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางตา อย่างเช่น มาสคาร่า อาจทำให้ฟิลเลอร์หลุดออกไปได้
- ไม่ควรนอนหงายหรือนอนตะแคงในช่วง 4-6 ชั่วโมงแรกหลังการฉีด และหลีกเลี่ยงการทำบริเวณใต้ตาเปียกชื้น
- ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์หลุดออกไปได้
- หากมีอาการบวม แดง หรือเจ็บปวดอย่างรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ทันที
ประโยชน์ของฟิลเลอร์ใต้ตา
- ลดเลือนริ้วรอยผิวหน้า ซึ่งทำให้หน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- ลดเลือนถุงใต้ตา ทำให้ดูสดใสและไม่มีความเหนื่อยล้า
- เพิ่มความมั่นใจในตัวเอง และสามารถเดินทางไปทำงานหรือสังสรรค์กับคนอื่นได้อย่างมั่นใจ
เกี่ยวกับฟิลเลอร์ https://bmee-clinic.com/service/filler/
FAQs :
Q: เจ็บมั้ย?
A: การฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตามักจะมีความเจ็บปวดเล็กน้อย แต่สามารถใช้เจลช่วยชาหรือยาชาในบริเวณที่จะฉีดเพื่อลดความเจ็บปวด
Q: มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
A: ผลข้างเคียงที่พบบ่อย คือ บวม ความแดง และความเจ็บปวด ซึ่งส่วนใหญ่จะหายไปใน 1-2 สัปดาห์
Q: ทำให้ตาบวมไหม?
A: ตาบวมเป็นอาการที่ปกติ แต่จะฟื้นตัวได้ในไม่กี่วัน
Q: ทำให้ผิวหน้าอ่อนเยาว์ขึ้นจริงหรือไม่?
A: ทำให้ผิวหน้าอ่อนเยาว์ขึ้นได้จริง การฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตาสามารถลดความลึกของรอยคล้ำใต้ตา ทำให้หน้าดูสวยใส และอ่อนเยาว์ขึ้น
Q: มีผลยาวนานแค่ไหน?
A: มีอายุการใช้งานระหว่าง 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้และสภาพผิวของแต่ละคน การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีหลังการฉีด และการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยให้ผลลัพธ์มีความยั่งยืนยาวนานขึ้น
Conclusion : ฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตาเป็นวิธีที่ดีในการปรับรูปหน้า และเปลี่ยนแปลงใบหน้าให้มีความมั่นใจมากขึ้น แต่ต้องระวังและดูแลให้ดีเพื่อผลลัพธ์ที่ได้ดูสวยงามและยาวนาน ดังนั้น ควรศึกษาข้อมูลและคำแนะนำต่างๆ ก่อนที่จะตัดสินใจทำ และควรเลือกที่ที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามและมีประสบการณ์ดีเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้